ภาวะตลาด เงินบาท เปิด 33.92 ต่อ ดอลลาร์ แนวโน้มแข็งค่า รับข่าวจีนเปิดปท.หนุนท่องเที่ยว Flow ไหลเข้า

นักบริหารเงิน จากธนาคาร กรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาท เปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.92 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก เย็นวานที่ปิดตลาดที่ระดับ 34.02 บาท/ดอลลาร์

เช้านี้เงินบาทแข็ง ค่าสม่ำเสมอจาก เย็นวาน และก็ แนวโน้มคาดว่า จะแข็งค่าต่อ เหตุเพราะ ตลาดช่วงนี้ รับข่าวดี จากที่จีนจะเปิด ประเทศรับนักท่องเที่ยว ประกอบกับช่วงนี้มี flow เข้ามาซื้อพันธบัตร ในประเทศสม่ำเสมอ ขณะเดียวกัน วันนี้ราคาทอง ปรับตัวสูงมากขึ้น ก็เลย อาจจะมี flow ขายดอลลาร์

อย่างไรก็ดี วันนี้ตลาด จับตา การประชุม 3 กระทรวงหลัก เพื่อจัดแจงแผนรับ นักท่องเที่ยวจากจีน รวมทั้งการรายงานอัตรา เงินเฟ้อ ของเดือนธ.ค.65 แล้วก็ สรุปภาพรวม ทั้งยังปี 65 จากกระทรวงพาณิชย์ด้วย

“ช่วงนี้บาท แข็งค่า ตลาดรับ ข่าวจีนจัดแจงเปิดประเทศ ขณะที่เมื่อวานนี้ รายงานการประชุมเฟด ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ตลาด ไม่ได้มี re-act อะไรมากนัก” นักบริหารเงินกำหนด

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.75 – 34.10 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (4 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.32720% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.58670%

SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 33.87625 บาท/ดอลลาร์

 

ปัจจัย เงินบาท สำคัญ

เงินเยน อยู่ที่ระดับ 132.06 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 130.35 เยน/ดอลลาร์
เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0617 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.0616 ดอลลาร์/ยูโร

อัตราแลกเงินบาท/ดอลลาร์ เฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่าง ธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 34.227 บาท/ดอลลาร์
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี นัดประชุม 3 กระทรวงหลักที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดแจงแนวทางรองรับนักท่อง
เที่ยวจากจีน ภายหลังการประกาศเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.นี้ ประกอบด้วย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา และกระทรวงคมนาคม
กระทรวงพาณิชย์ โดยที่ทำการนโยบายและ ยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (อัตราเงิน
เฟ้อ) เดือนธ.ค.65 และสรุปภาพรวม สถานการณ์ เงินเฟ้อ ในรอบปี 65 ที่ผ่านมา

สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผย 11 เดือนของปี 2565 ส่งออกข้าว 6.9 ล้านตัน มูลค่าเกิน 1.2 แสนล้านบาท ความต้องการ หอมมะลิ เพิ่ม 102.2% ตั้งเป้าปี 2565 ส่งออกได้ 8 แสนตัน
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ในปี 66 ภาคการส่งออก ของไทย ยังคง มีปัจจัยเสี่ยง สำคัญมากมาย ได้แก่ ตลาดส่งออกหลักขยายตัวลดลงอีกทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่น รวมทั้งสหภาพยุโรป เพราะว่า ความต้องการ ซื้อสินค้าชะลอลงจาก กำลังซื้อที่อ่อนแอ

เงินบาทต่อดอลลาร์

ดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องจากปี 65 ด้วยเหตุว่าธนาคารกลางหลายประเทศยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นำมาซึ่งการทำให้ทุน ของภาคธุรกิจ รวมทั้งครัวเรือนมากขึ้นจนฉุดกำลังซื้อ
ดอลลาร์ สหรัฐอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขาย ที่ตลาดแลกเปลี่ยน เงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (4 ม.ค.)
หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุม ซึ่งบอกว่า กรรมการเฟดมีความมองเห็นตรงกันว่าน่าจะชะลออัตราการปรับ
ขึ้นดอกเบี้ย เพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบจะ 7 เดือนในวันพุธ (4 ม.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของ ดอลลาร์ รวมทั้ง การร่วงลง ของอัตราผลตอบแทน พันธบัตรสหรัฐ เป็นปัจจัยหนุน ตลาดทองคำ ขณะที่ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงาน นอกภาคเกษตร ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผย รายงาน การประชุม ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 13-14 ธ.ค. 65 โดยกล่าวว่า กรรมการเฟดมี
ความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับเงินเฟ้อ รวมทั้งคาดว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป จวบจนกระทั่งข้อมูลที่เฟดได้รับมานั้นมีหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอว่าเงิน
เฟ้อกำลังกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ซึ่งการจะไปถึงจุดนั้นได้ อาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
อย่างไรก็ดี กรรมการทุกคนมีความมองเห็นตรงกันว่า เฟดควรชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งแม้จะยังปรับขึ้นดอกเบี้ยถัดไป เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แต่จะดำเนินการในลักษณะค่อยๆเป็น ค่อยๆไป เพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ

นักลงทุน จับตา การเปิดเผย ตัวเลข การว่าจ้าง นอกภาคเกษตรของสหรัฐ ประจำเดือนธ.ค.ในวันศุกร์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า ตัวเลขว่าจ้างเพิ่มขึ้น เพียงแต่ 200,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย ข้อมูลเศรษฐกิจ สำคัญที่สหรัฐจะแถลงการณ์ในวันนี้ ได้แก่ จำนวนจ้างงาน ภาคเอกชนเดือนธ.ค.จาก ADP

จำนวนผู้ขอ รับสวัสดิการว่างงาน รายสัปดาห์, ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และก็ดุลการค้า เดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ ขั้นสุดท้าย
เดือนธ.ค. แล้วก็สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

ตลาดสกุลเงินเอเชียทรงตัว ค่าเงินดอลลาร์เย็นลงก่อนรายงานจากเฟด

สกุลเงินเอเชีย โดยมาก ขยับขึ้นนิดหน่อยในวันพุธ ด้วยเหตุว่า การฟื้นของ เงินดอลลาร์ ดูดังว่าจะอ่อนตัวลง โดยตลาดกำลัง รอสัญญาณใหม่ เกี่ยวกับนโยบาย การเงินของสหรัฐฯ จากรายงานบันทึกการประชุมประจำเดือน ธันวาคมของธนาคารกลางสหรัฐฯ

สกุลเงิน ในภูมิภาคได้รับแรงกดดัน เมื่อวันอังคาร เพราะเหตุว่า ความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากคำเตือน จากกองทุนการเงิน ระหว่างประเทศ (IMF) เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจลดน้อย ขณะที่ความกังวล เกี่ยวกับผู้เจ็บป่วยโควิด19 ที่เพิ่มขึ้นในจีน ก็มีผลกระทบด้วยเหมือนกัน

สิ่งนี้ทำให้ค่าของเงินดอลลาร์แข็งค่ามากกว่า 1% เมื่อเทียบ กับกลุ่มสกุลเงินอื่น ๆ ทำให้สกุลเงินในเอเชียส่วนมาก กลับมาทำเงินในช่วงต้นปี

แต่การแข็งค่า ของเงินดอลลาร์ ดูราวกับจะหยุดชะงักในวันพุธ ซึ่งช่วยหนุน สกุลเงิน ในภูมิภาค หยวนจีน มากขึ้น 0.2% ในวันพุธ ขณะที่ค่าเงิน วอนเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.5%

เงินเยน

ค่าเงิน เยนญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 0.3% แต่ซื้อขายน้อยกว่า ระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เงินบาท ในวันอังคาร

ข้อมูลจากญี่ปุ่น แสดงให้มีความคิดเห็นว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิต หดตัวเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน เหตุเพราะผู้ผลิต ในท้องถิ่นต้องต่อสู้กับภาวการณ์ เงินเฟ้อ ที่ปั่นป่วนและอุปสงค์ ที่ซบเซาจากต่างประเทศ

ดัชนีดอลลาร์ รวมทั้ง ดัชนี ดอลลาร์ ฟิวเจอร์ส ซื้อขายกันในระดับที่ต่ำยิ่งกว่านิดหน่อย แต่ยังคงรักษาผลกำไรจำนวนมากไว้ได้ และก็ซื้อขายต่ำยิ่งกว่าระดับ สูงสุดในรอบสองอาทิตย์ ขณะนี้ ความสนใจพุ่งไปที่ บันทึกการประชุม เดือนธันวาคม ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งตลาด กำลังรอดู ว่าผู้กำหนดนโยบายเพิ่มเติม ได้ช่วยเหลือการชะลอการปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ย ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าหรือไม่

ขณะนี้ตลาด กำลังกำหนด ราคาใน ความเป็นไปได้มากกว่า 90% ที่เฟดจะผ่อนคลายความเข้มงวดแล้วก็ ปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ย ขนาดที่น้อยกว่าที่ 25 จุดพื้นฐานในก.พ. นอกจากนั้นยังมีสัญญาณที่เพิ่มขึ้นว่าอัตราเงิน เฟ้อของสหรัฐฯ ถึงจุดสูงสุดแล้ว

แต่เหตุเพราะ อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้ม สูงกว่าช่วงเป้าหมาย ประจำปีของเฟด ก็เลยคาดว่าธนาคารกลาง จะดำเนินนโยบายอย่างเข้มงวดถัดไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

สกุลเงินเอเชียใน วงกว้างเป็นบวกนิดหน่อย โดยตลาดยังมีการ วางตำแหน่งสำหรับข้อมูล สำคัญอย่าง ดัชนี PMI ภาคการสร้างจาก สถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) และ การจ้างแรงงาน นอกภาคการเกษตร ซึ่งจะถึงกำหนดในอาทิตย์นี้ หลังจากการเตือนเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นจาก IMF ตลาดต่างเฝ้าติดตามการอ่านค่าทางเศรษฐกิจ จากประเทศเศรษฐกิจ หลักอย่างใกล้ใกล้

วิกฤตโควิด19 ของจีน ก็อยู่ในจุดสนใจเช่นกัน หลังจากที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้กล่าวปราศรัยปีใหม่ อย่างระมัดระวัง มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยประเทศจีนกำลังต่อสู้กับการติดเชื้อที่เพิ่มสูงมากขึ้นอย่างมาก หลังจากที่ผ่อนคลายข้อจำกัดในการต้านทานโควิดหลายข้อในเดือนธันวาคม